การก้าวเดินออกจากอาชีพประจำด้วยความสมัครใจของตัวเองก่อนถึงวันเกษียณอายุของแต่ละคนก็ย่อมเกิดมาจากเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป บางคนก็คิดง่ายๆ ว่าพอแล้ว บางคนก็เพื่อเงินค่าจ้างที่ทางราชการหยิบยื่นให้ บางคนก็ด้วยเหตุผลอันเนื่องมาจากสุขภาพของตัวเองที่ไม่สามารถแบกรับภาระจากงานในเครื่องแบบไม่ไหวแล้ว บางคนก็อาจจะด้วยเหตุผลเพื่อความมั่นคงของหน่วยงาน(อันนี้ต้องแปลเป็นไทยง่ายๆ ว่า เค้าหาจังหวะเชิญออกไปซะก่อนที่จะโดนไล่ออก)
แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนทั้งคนที่ยังคงรับราชการอยู่และคนที่พ้นออกมาแล้วรู้อยู่แก่ใจดีก็คือ สภาพของความไม่สมดุลแห่งศักดิ์ศรีในความเป็นทหาร ซึ่งรับรู้ได้ด้วยสายตาและการกระทำ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะนำมาพูดถึงได้อย่างเสรีเพราะทหารย่อมจะต้องมีวินัย มีประมวลกฎหมายอาญาทหาร มีระเบียบปฏิบัติอีกมากมายก่ายกอง(จนเลือกที่จะไม่จดจำ) ที่จะต้องยึดถือเป็นหลักในการประพฤติตน แต่ในขณะเดียวกันกฎหมายและระเบียบวินัยเหล่านั้นกลับถูกละเลย ยกเว้นและถูกมองข้ามไปในบางกรณี ในบางสถานการณ์ จนมองดูเหมือนไม่ใช่กฎหมายหรือแสดงออกถึงแนวทางว่าเป็นเพียงแต่กฎหมายที่ถูกเลือกปฏิบัติกับคนบางคน และไม่สามารถนำไปใช้กับคนบางคน
เรื่องของประชาธิปไตยกับเรื่องวินัยของทหาร ไม่สามารถเดินเคียงคู่กันไปได้อย่างราบรื่นหากปราศจากความยึดมั่นในหลักการของเหตุผล ซึ่งในการปฏิบัติที่เป็นจริงมีการให้ความสำคัญกับเรื่องของอำนาจและอารมณ์มากกว่าจะพิจารณาถึงหลักมนุษยธรรมและความเท่าเทียมกันในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
หากจะมองในแง่ของโลก ชีวิตทุกชีวิตย่อมมีคุณค่าที่เท่าเทียมกัน แต่หากจะมองในแง่ของสังคมปัจจุบัน ผู้ที่มีอำนาจ มีตำแหน่ง มียศฐาบรรดาศักดิ์ มีทรัพย์สินเงินทอง ดูเหมือนค่าของชีวิตเดียวจะมีค่ามากกว่าคนปกติโดยทั่วไปนับร้อย นับพัน นับหมื่น นั่นไม่ใช่การเปรียบเทียบที่ห่างจากความเป็นจริงเพราะสงครามที่เกิดจากการแสวงหาผลประโยชน์ของคนเพียงไม่กี่คนสามารถทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตมานับล้าน และการวิวาทแย่งชิงผลประโยชน์หรือคววามขัดแย้งในทางการเมืองของคนบางคนก็สังหารผู้บริสุทธิ์ไปนับร้อยนับพันจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกในขณะนี้
ทหาร คือตัวแปรในทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ข่าวสาร,
นนส.ทบ.12/22,
เพื่อนพ้อง,
เรื่องของบ้านเมือง
เกษียณตัวเอง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น