วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553
พอก้าวขาพ้นประตูค่ายออกมาแล้ว อะไรต่อมิอะไรก็เปลี่ยนแปลงไป ชีวิตค่อยสงบราบเรียบไม่ต้องเต้นไปตามจังหวะที่ถูกจี้ ไม่ต้องหวาดผวาก้มหน้าก้มตาทำงานแบบทุ่มเทให้กับงานในหน้าที่ของตัวเอง แต่ผลตอบแทนที่ได้รับจากงานกลับไปตกเป็นของคนอื่นซะงั้น แต่ก็ไม่แปลกเหมือนกันถ้าหลายๆ คนที่ยังคงทำงานต่อไป และย่อมมีเหตุผลของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป

แต่สรุปแล้วอีกไม่กี่ปี ผู้ที่มีอาวุโสสูงสุดของรุ่นเราก็จะต้องถึงเวลาพักผ่อนในต้นปี 2558 หลายคนเหมือนกัน โดยเฉพาะเพื่่อนๆ ที่มาจากทหารเกณฑ์ผลัด 1 หรือผลัด 2 ปี 2520 ซึ่งเวลานั้นก็จะมาถึงในเวลาเพียง 4 ปีนับจากนี้ ทำไงได้ก็เป็น ปู่ เป็นตา กันหมดแล้วนี่นา

ช่วงเวลาที่เหลืออยู่น่าจะเป็นเวลาของการพักผ่อนอยู่กับครอบครัวหรือทำงานส่วนตัว หรือท่องเที่ยวไปตามอัธยาศัย ตามความชอบของแต่ละคน ที่แน่นอนที่สุดคือ การใช้เวลาซัก 2-3 วันในแต่ละปี เพื่อการพบปะสังสรรค์และสนทนาพาทีกัน (นอกเหนือจากการไปร่วมงานบวช งานแต่งงาน งานขึ้นบ้านใหม่ และงานศพ ของเพื่อนพ้องหรือครอบครัว

และขอให้เพื่อนๆ ที่ยังคงรับราชการอยู่ในปัจจุบัน ดูแลซึ่งกันและกันอย่างใกล้ชิด เป็นที่พึ่งพาของลูกหลานและเพื่อนฝูงได้บ้างตามสมควร อย่าเพิ่งทอดทิ้งกันไปตามภูมิประเทศเสียก่อนก็แล้วกัน

วันนี้ก็มีอะไรมาฝากเช่นเคยสำหรับเพื่อน ฉลักฉลาม1222 ทุกท่าน มันเป็นความผูกพันกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษในฐานะของนักรบไทยด้วยกัน นั่นคือ "ช้าง" กับเรื่องราวบางแง่บางมุมที่คนทั่วไปไม่มองว่ามันเป็น "เรื่องใหญ่" เหมือนกับรูปร่าง แต่หากยังคงความเป็น "คนไทย" ก็น่าจะลองไปคิดดูใหม่ซะ



รักเพื่อนทุกคน (แม้ว่าทุกคนจะไม่ให้ยืมตังค์ก็ตามที)
Chanin1222

2 ความคิดเห็น:

ทรงพล(ตู่) 103-1002 กล่าวว่า...

สถานการณ์บ้านเมืองทุกวันนี้ ก้าวกระโดดไปอย่างรวดเร็วจนทำให้คนส่วนใหญ่กลายเป็นคนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนรวม ก็เพราะปัจจัยจากสภาพแวดล้อมของสังคมปัจจุบันทำให้ส่งผลให้คนส่วนใหญ่ยึดติดกับวัตถุนิยม อันเป็นค่านิยมที่ผิดๆ เพราะคนเราให้ความสำคัญกับความร่ำรวย เชื่อว่า คนรวยเป็นคนดี ทำให้คนอยากร่ำรวยจนขาดสติ ทำทุกวิถีทางขอให้รวย ขอให้รวย... จนอาจลืมคนรอบข้างหรือแม้กระทั่งตัวเอง ขอเพียงไม่ผิดกฎหมายในขณะนั้น แต่ไม่รู้ว่าที่ทำนั่นไม่ผิดกฎหมายในขณะนั้นแต่ว่าไม่ยุติธรรมสำหรับคนอื่นๆ สิ่งที่เราอยากเห็นในเวลานี้ไม่ต้องมากหรอกเพื่อน ขอเพียงพวกเราฉลักฉลาม 1222 รักกันก็น่าจะทำให้ประเทศไทยเรายังมีคนที่รักกัน รักประเทศไทยอย่างแท้จริง ไม่น้อยกว่าหนึ่งพันคนแล้วนะเพื่อน

chanin1222 กล่าวว่า...

ขอบคุณเพื่อนตู่สำหรับความคิดเห็น บอกตรงๆ ว่าอึ้งไปเลย ไม่คิดว่าจะมีใครที่มองสังคมได้ทะลุด้วยคำพูดไม่กี่คำเพราะนี่เป็นประโยคที่ติดค้างคาใจเรามานานแสนนานกับพฤติกรรมของคนในสังคมปัจจุบัน ที่ทำให้เกิดความเบื่อหน่า.ระอาใจจนต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างลงไปทั้งที่ไม่เต็มใจจะทำ แต่ก็จำเป็นต้องทำ และก็เห็นด้วยหากยังมีพวกเราและครอบครัวยึดมั่นในความรักต่อเพื่อนพ้องและประเทศชาติอย่างจริงใจ
มีแนวความคิดอะไรดีๆ ก็แบ่งปันกันบ้างนะเพื่อน
chanin1222

 
;